SU o_O Stu 52
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

SU o_O Stu 52

Ars LonGa Vita BreviS
 
เธšเน‰เธฒเธ™PortalliLatest imagesเธ„เน‰เธ™เธซเธฒเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)เน€เธ‚เน‰เธฒเธชเธนเนˆเธฃเธฐเธšเธš(Log in)ถาปัดชวนคุยstu48stu49stu50stu51

 

 คนติด f

Go down 
2 posters
เธœเธนเน‰เธ•เธฑเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก
dg
พี่รับติวน้อง
พี่รับติวน้อง
dg


Female เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 26
อายุ : 36
Registration date : 05/04/2007

คนติด f Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: คนติด f   คนติด f Icon_minitimeSat Apr 07, 2007 3:12 pm

มันเป็นบทความนะ ลองอ่านดู ถ้าว่าง

ถึงนักศึกษาที่รัก

ขอบ่นอีกเรื่องเถอะนะ หลังจากไม่ได้บ่นมานานแล้ว

เทอมที่แล้วสอนวิชาบังคับไปสองตัว วิชาเลือกตัวนึง ของ ICT อีกตัวนึง เกรดนักศึกษาที่ตัดไปค่อนข้างจะไม่สวยเท่าไหร่ ก็คงจะรู้จาก blog entry เก่าๆ ของผมหลาย entry ว่าผมค่อนข้างจะ depress พอสมควรกับเรื่องคุณภาพของนักศึกษาที่นี่

ผมไม่โทษนักศึกษาหรอกนะ เพราะว่าพวกเขาเป็น

ผลผลิตที่สมบูรณ์ ของระบบการศึกษาและสังคมการศึกษาที่ล้มเหลว

มีหลายคนเหมือนกัน ที่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง จะต้องตัดเกรดที่ไม่อยากจะตัดเลย ก็คือ F

อยากจะบอกนักศึกษาทุกคนว่า เกรดนี้ไม่ได้ตัดแล้วรู้สึกภูมิใจ หรือว่าดีใจหรอกนะ มันเศร้าใจพอสมควรที่จะต้องตัดแบบนี้ จริงๆ อยากจะให้ทุกคนผ่านหมด แต่ว่านั่นมันก็หมายถึง ผ่านมาตรฐาน ไม่ว่าผ่านไปเฉยๆ

ผมเข้าใจ ว่าที่ผ่านมา พวกคุณหลายคนได้ไหลผ่านสายพานการผลิต ของอุตสาหกรรมหนึ่ง ที่ชื่อว่า "การศึกษา" สายพานนี้ มีการควบคุมคุณภาพที่มีปัญหามาตลอด เพราะว่าส่วนหนึ่งต้องการ product ออกมาให้มากที่สุด เมื่อมี product ที่ไม่ผ่าน เราก็ใช้วิธีลดมาตรฐานมาตลอด

สังคมที่สอนคนหลายคนมาให้ไม่รู้จักความล้มเหลว ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะไม่ว่าคนเราจะเก่งขนาดไหน วันหนึ่งคุณจะต้อง "ล้ม" และเมื่อล้ม คุณจะต้องมองมันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จให้ได้ อย่างหนึ่งก็คือ มันจะสอนให้เรารู้ว่าล้มยังไง และจะลุกขึ้นมายังไง

นักศึกษาหลายคน มานั่งเรียน เพื่อให้ผ่านเวลานั้นไป วิชานั้นไป เทอมนั้นไป ปีนั้นไป และสุดท้ายก็เพียงเพื่อให้ผ่านชีวิตมหาวิทยาลัย เพื่อไปหาสิ่งที่ทุกคนอ้างว่า เรียนไปเพื่อสิ่งนั้น นั่นก็คือ การทำงาน นั่นก็คือ ชีวิตต่อไปในอนาคต

หลายคนจะบอกว่า เรียนไปเถอะ ไม่ได้ใช้อะไรหรอก ทำงานก็ต้องเรียนใหม่อยู่ดี การเรียนไม่ได้สอนสิ่งที่จะใช้ในการทำงานเลย

ผมกลับมองตรงกันข้าม และวันนี้ผมก็เข้าใจส่วนหนึ่ง

นักศึกษาเองหรือเปล่า ที่เรียนรู้การทำงาน ด้วยการทำงานน้อยเกินไป นักศึกษาด้วยหรือเปล่า ที่ไม่ออกจากหนังสือเรียน ที่ไม่ออกจาก bullet ทั้งหมดที่พยายามท่อง ที่ไม่ทำงาน หาประสบการณ์อะไรก็ช่าง ที่เค้าคิดว่าเค้าจะต้องทำต่อไปในอนาคต อีกอย่างก็คือ ไม่ได้เอาสิ่งที่เรียนผ่านๆ กันไปแล้วมาคิด มาประยุกต์ใช้ มาอะไรใหม่เลยหรือเปล่า เรียนผ่านกันมาด้วยระบบอลุ้มอล่วยกันแค่ไหนแล้ว

เรียนวิชาอะไรก็ตาม มันก็เป็นการฝึกฝนความสามารถในการเรียนรู้ อย่าอ้างเลย ว่าไม่ชอบ ว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องรู้ เพราะว่าวันหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ในวงการไหน มันก็จะต้องมีการเรียนรู้ทั้งสิ้นน่ะแหละ และคุณจะอ้างว่าไม่ชอบไปถึงไหนกัน

คุณอาจจะไม่ชอบวิชานั้นวิชานี้ วันนี้มันเป็นข้ออ้างให้คุณได้ เวลาคุณมาขอเกรด เวลาคุณมาขอจบ เวลาคุณมาขออะไรก็ตาม แต่ว่าเมื่อคุณทำงาน คุณจะอ้างได้ไหม ว่าไม่ชอบวัฒนธรรมองค์กร ไม่ชอบงานเอกสารที่มันต้องทำ ไม่ชอบ process อะไรหลายๆ อย่าง .... ยังไงคุณก็ต้องทำมันอยู่ดี และคุณก็ต้องทำมันให้ดีด้วย

จริงๆ แล้วเรื่องหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องงานเอกสาร ผมเองก็ยังถือว่า "สอบตก" อยู่มากทีเดียว ในชีวิตจริงของการทำงาน ผมพูดหรือว่าอ้างก็ได้ ว่าเพราะว่าผมไม่ชอบ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนั้นให้ดีได้

เรื่องนั้นช่างมันเถอะ

ผมเอง ในชีวิตการเรียน การเป็นนักศึกษา ก็เคยสอบตก ก็เคยต้องลงใหม่ มันไม่ใช่ข้ออ้าง ว่าวันนั้นผมยังไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นดีพอ หรือว่่าเหตุผลอ่ืนๆ มาตรฐานก็คือมาตรฐานที่เค้าก็ต้องรักษา

นี่ไม่ใช่การแก้แค้น ว่าผมเคยตก ก็เลยให้นักศึกษาตกบ้าง มันก็สะใจดีนะ ถ้าจะคิดกันแบบนั้น ก็จะสร้างความแค้นกันมากขึ้นไปก็เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย อีกอย่าง ผมเองก็ไม่ได้อยากให้ F ใครหรอกนะ บอกแล้วว่าไม่ภูมิใจหรอกที่สอนนักศึกษาได้แบบนี้

ผมไม่เคยไม่อยากให้นักศึกษาจบ ไปถามภาควิชาเองละกันว่าปีที่แล้วผมช่วยพวกที่ขาดนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้จบไปกี่คน ไม่ได้อยากจะเลี้ยงพวกคุณไว้ให้เปลืองเงินพ่อแม่คุณหรือว่าเงินประเทศชาตินานนักหรอกนะ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าผมจะปล่อยพวกคุณไหลผ่านสายพานได้ง่ายๆ โดยไม่ทำ QC .....​เป็นไง ผมพูดขัดกันเองดีมั้ย

ผมไม่แก้เกรดให้ใครแน่นอน ผมถือว่าการตัดสินของผมเป็นสิทธิ์ขาดเรื่องเกรด และไม่มีการลำเอียงเด็ดขาด

แน่นอน ว่าทุกคนจะมองจากมุมมองของตัวเอง ว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว และทุกคนควรจะผ่านหมด คุณจะใช้อะไรก็จากมุมมองของตัวเอง คิดเข้าข้างสิ่งที่ตัวเองทำ ว่า เข้าเรียนทุกครั้ง บ้าง หรือว่า ส่งงานทุกครั้ง บ้าง หลายคนไม่เข้าใจ เพื่อนบางคนไม่ส่งงานหรือว่าส่งบ้างไม่ส่งบ้าง ทำไมได้คะแนนการบ้านมากกว่า ฯลฯ อย่าคิดสิครับ ว่า ส่ง = ได้คะแนนเท่ากัน หรือว่าผมนับครั้งที่ส่งเป็นหลัก

ต้องมองที่ภาพรวมของทุกอย่างบ้าง เพราะว่าแน่นอนว่าทุกคนน่ะแหละ จะทำบางอย่างได้ดี บางอย่างไม่ค่อยดี และเป็นเรื่องธรรมดา ว่าทุกคนจะมองเห็นสิ่งที่ตัวเองทำดี ทำได้ เด่นชัดกว่าประเด็นอื่นๆ และเอาประเด็นนั้นมาอ้างเรื่อยไป

ก็เข้าใจนะ ว่าถ้าตกวิชาผมบางวิชา จะมีผลให้ลงทำ project จบไม่ได้ในปีที่ 4 ซึ่งหลายคน "เชื่อว่า" จะ "ต้อง" เป็นปีสุดท้ายของการศึกษา (เพราะว่าผ่านการศึกษาระบบสายพานมา คิดเช่นเดียวกับมัธยมที่ไม่เคยเรียนตก ว่าจะต้องผ่าน หรือว่า 12 ปีจะต้องจบการศึกษาภาคบังคับ 100%)

ผมเข้าใจเหตุผลของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกดดันจากทางบ้าน ว่าจะต้องจบภายในเท่านั้นเท่านี้ปี ว่าจะต้องได้เท่านั้นเท่านี้ เอามาอวดกันเป็นหน้าเป็นตาบ้าง เรื่องการเงิน เรื่องฯลฯ บ้าง ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น

สัญญาได้แค่ว่า จะทะเลาะกับภาควิชาให้ละกันนะ ว่าจะให้ลงทำ project ได้ โดยลงวิชาบังคับตัวที่ยังติดอยู่น่ะแหละ คู่กันไปด้วย (เพราะว่าไม่เห็นเหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมจะทำแบบนั้นไม่ได้) แต่ว่า ผมไม่ใช่ภาควิชา และผมสัญญาไม่ได้ว่าเค้าจะเห็นด้วยกับผม และพวกคุณ

อย่างไรก็ตาม ผมไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงนะ ที่เอา project หรือการจบ มาเป็นที่ตั้งมากเกินไป จนลืมว่าจะต้องรู้ ต้องศึกษา ต้องอะไรยังไงบ้าง ไม่ใช่แค่ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ขอบคุณนะ แซน ชอบคำนี้จริงๆ) ที่มันถ่ายออกมาได้ทุกอย่าง แทบจะเหมือน แต่ว่าตัวมันไม่เคยคิด เคยคำนวณ อะไรเองได้เลย สู้ scan เข้าไป เอาไปผ่าน OCR แล้วก็ทำ Ontology หรือว่า NLP ซะยังจะเข้าท่ากว่าเยอะ.... เพราะว่าไม่งั้น (อันนี้ผมขอพูด worst case "เท่านั้นนะ" เข้าใจว่ามันไม่ใช่ general case หรอก)

* เราจะต้องลดมาตรฐานทุกอย่างลง เพื่อให้ทุกคนผ่านไปทำ project ได้
* เมื่อทำ project พวกคุณก็จะใช่้เกณฑ์ของเวลามาเป็นตัวตั้ง ในการที่จะจบ
* เมื่อติดวิชาอื่น แต่ว่า project ผ่านแล้ว ก็จะอ้างขอผ่าน
* ดังนั้นใน worst case พวกคุณก็จะไม่พยายามเรียนวิชาที่ยังติดอยู่หรอก จะอ้าง project น่ะแหละ
* สุดท้ายคืออ้างเหตุผลประเภทชักแม่น้ำ คือ ทำงานส่งแล้ว เข้าเรียนครบ ซึ่งข้อนี้ผมขี้เกียจฟังที่สุด และไม่เคยคิดว่ามันฟังขึ้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว (เหตุผลส่วนตัว -- ลองคิดถึง worst case ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วควรผ่าน อะไรมันจะเกิดขึ้น)


คุณต้องเข้าใจว่าการวัดคุณภาพ มันไม่ควรจะใช้ดัชนีชี้วัดปัญญาอ่อนที่เราชอบใช้กัน นั่นคือ ทุกคนผ่านหมด = มีคุณภาพ แต่ว่าผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างแรงอีกน่ะแหละ ว่าถ้าทุกคนตกหมด = มีคุณภาพ มันผิดทั้งคู่

เข้าข่าย False-Accept กับ False-Reject ของพวก Biometric น่ะแหละ (หรือว่า False-Positive กับ False-Negative ในเรื่องทั่วไป)

มันจะต้องวัดที่ trade-off ของสองตัวนี้ (ใน Biometric เรียก Equal-Error Rate; ERR)

เพราะว่าไม่งั้นนะ ปล่อยมาตรฐานมันไปเถอะ ปล่อยทุกคนผ่านหมด สุดท้ายทุกคนจะไม่ทำอะไรเลย เรียนมันผ่านๆ ไป (ถามจริง เรียนจริงหรือ หรือว่าแค่คิดว่าตัวเองเรียน เพราะว่าลงวิชา และได้มานั่งในห้องเรียน และเข้าสอบ กันแน่) อันนี้ทำง่ายนะ -- เหมือนกับเขียนโปรแกรม check ลายพิมพ์นิ้วมือ แล้วให้ทุกคนผ่านหมดน่ะแหละ ก็ไม่ต้อง check มันเลย

แต่ว่าถ้าจะเอา False Reject ล่ะก็ ทุกคนตกหมดน่ะแหละ จะเก่งจะดีจะเลิศมาจากไหนก็เถอะ อีแบบนี้ก็ง่ายเหมือนกัน -- ถ้า check ลายพิม์นิ้วมือ แล้วทุกคนไม่ผ่านหมด ก็ไม่ยาก ก็ไม่ต้อง check เลยเหมือนกัน

หา trade-off ที่ optimum นี่สิ ยากที่สุด

สำหรับนักศึกษาที่มีปัญหาเพราะว่าติด F วิชาผมและทำให้ลง project ไม่ได้ในปีหน้า ผมขอให้คุณทำสิ่งที่อาจจะขัดใจและความรู้สึกคุณในปัจจุบันด้วยสักอย่างเถอะ คือ

อวยพรให้ผมด้วย ในการประชุมภาคครั้งหน้า

จะคุยกับภาควิชาให้ และผมอยุ่ข้างเดียวกับพวกคุณแน่นอน แต่ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันมีอะไรบางอย่างเหมือนกันนะในภาควิชาเรา ที่ทำให้มันอาจไม่เป็นอย่างที่พวกคุณอยากให้เป็น ......

หมายเหตุ: ผมไม่ได้ตัด F เยอะขนาดนั้นหรอกนะ บางวิชาก็ไม่มีเลย บางวิชาก็ 1/6 ของคนที่ลง บางวิชาก็เยอะกว่านั้นคือ ครึ่งนึง (ลงทะเบียน 9 คน ได้ 4 คน เพราะว่าความพยายามที่แทบเท่ากับ 0 ของนักศึกษาหลายคนและเหตุผลเรื่องความซื่อสัตย์)

สุดท้ายนี้ ขอกราบขออภัยทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่ entry นี้เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ (เกินครึ่งของเนื้อหาที่มันไม่ค่อย general เท่าไหร่ แต่ว่าคิดว่าก็คงได้อะไรบ้างจาก entry นี้เช่นกัน)

[update 1] แก้คำผิดเล็กน้อย

[update 2] อ่อ อีกอย่าง ที่ผมเขียน ไม่ได้แปลว่าผมจะยอมช่วยทุกวิถีทางถึงกับจะลดมาตรฐานตัวเองหรอกนะ วันไหนก็ตามที่ผมจะต้องยอมลดมาตรฐานตัวเอง "ด้วยการแก้เกรดนักศึกษา" ล่ะก็ วันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของผม

[update 3] ขอเพิ่มอีกหน่อยเถอะนะ พอดีเมื่อกี้ึคุยกับเพื่อน (ป้า Noi X11) แกบอกว่า มันแปลกๆ นะ ที่เด็กจะว่าอ้างว่าไม่ชอบ ไม่ได้อยากเรียน แล้วจะต้องให้ผ่าน .. ซึ่งพอมานั่งคิดถึง logic ของมัน เออ จริงแฮะ เพราะว่าถ้าแบบนั้นแล้ว ใน worst case ทุกคนจะไม่มีใครอยากเรียนอะไรเลย อยากรู้อะไรเลย ... แล้วจะผ่านทั้งหมด

มาจาก
http://www.thaimacdev.com
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
ปูไปรยาว
เฟรชชี่ถาปัด
เฟรชชี่ถาปัด
ปูไปรยาว


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 21
อายุ : 37
Registration date : 06/04/2007

คนติด f Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: คนติด f   คนติด f Icon_minitimeThu Apr 12, 2007 5:03 pm

น่าเห็นใจทั้ง2ฝ่าย
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
 
คนติด f
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ 
เธซเธ™เน‰เธฒ 1 เธˆเธฒเธ 1

Permissions in this forum:เธ„เธธเธ“เน„เธกเนˆเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธš
SU o_O Stu 52 :: ยาฮุ้ รวมพล stu52 .. :: ขอบอกแบบมากๆ....-
เน„เธ›เธ—เธตเนˆ: